PDPA

PDPA


นโยบายและระเบียบปฏิบัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน 10 อัตรา

คุณสมบัติผู้สมัครงาน

      วัตถุประสงค์ : เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานได้รับการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง  ปลอดภัย และใช้งานโดยสุจริต และเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทฯจึงกำหนดนโยบายและระเบียบปฏิบัติให้ผู้เก็บ ควบคุม ผู้ใช้ข้อมูลและพนักงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดดังต่อไปนี้

1. นโยบายการเก็บ รักษา ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
      1.1 บริษัทฯให้ความเคารพสิทธิส่วนบุคคลของพนักงานอย่างสูงสุด 
      1.2 บริษัทฯจะขอข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเท่าที่จำเป็นในการบริหาร หรือตามที่กฏหมาย หรือตามที่องค์กร หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง กำหนดเท่านั้น
      1.3 บริษัทฯ จัดให้มีการเก็บ รักษา ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างรัดกุม ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลได้ยาก ปกปิดเป็นความลับ
      1.4 บริษัทฯ กำหนดหน้าที่ของผู้เก็บข้อมูล ผู้ประมวลผลข้อมูล ผู้รักษา ผู้ใช้ ผู้อนุมัติการใช้ รวมถึงขั้นตอนการตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานได้รับการเก็บรักษาอย่างปลอดภัยและใช้งานโดยสุจริต
      1.5 พนักงานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทุกคน มีสิทธิในการขอดู ตรวจสอบ เข้าถึงข้อมูลนั้นได้ง่าย ตลอดเวลาที่มีการเก็บรักษา รวมถึงมีหน้าที่แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคล หรือนำส่งข้อมูลในกรณีที่บริษัทฯ หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องขอเพิ่มเติม
      1.6 พนักงานที่เป็นชาวต่างชาติ ต่างด้าว จะเก็บรักษา และใช้ข้อมูลเช่นเดียวกับพนักงานคนไทย
      1.7 กรณีที่บุคคลหรือหน่วยงานภายนอก ต้องการทราบข้อมูลใด ๆ ของพนักงาน ให้ทำเป็นหนังสือระบุเหตุผลความจำเป็นที่ต้องการมาให้ผู้ควบคุมข้อมูลพิจารณาอนุมัติก่อน ห้ามเปิดเผยหรือให้โดยไม่ได้รับอนุมัติ
      1.8 ในกรณีที่หน่วยงานราชการขอข้อมูลของพนักงาน ให้แจ้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลพิจารณา / ทบทวนก่อนส่งให้ ยกเว้นการส่งให้ตามรอบปกติที่กฏหมายกำหนด เช่น ประกันสังคม สรรพากร คุ้มครองแรงงาน ให้ส่งได้เลยและบันทึกการส่งไว้เพื่อการตรวจสอบ
      1.9 การส่งข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปยังต่างประเทศ ให้กรรมการผู้จัดการเป็นผู้อนุมัติและดำเนินการตามที่กฏหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด
      1.10 ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่บริษัทฯเก็บ รักษาไว้นี้ บริษัทฯจะรักษาเสมือนหนึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัทฯเอง ห้ามมิให้ผู้ใดทำการละเมิด เปิดเผย เข้าถึง นำไปหาประโยชน์ส่วนตัว หรือทำลาย ข้อมูลนี้โดยไม่ได้รับอนุมัติจากผู้ที่บริษัทฯมอบหมาย ผู้ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาลงโทษในอัตราสูงสุดและหรือดำเนินคดีถึงที่สุด รวมถึงต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นเต็มจำนวนตามอัตราที่กฏหมายกำหนด
      1.11 การเก็บ รักษา ใช้ ตรวจสอบ ทบทวน อนุมัติ หรือ ดำเนินการใด ๆ  เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายนี้ ให้ทำเป็นความลับ เท่าที่จำเป็น โดยสุจริต และให้ถือว่าข้อมูลลับส่วนบุคคลของพนักงานนี้เป็นข้อมูลลับในระดับสูงสุด

2. รายการข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่จำเป็นในการบริหารงาน
      เพื่อเป็นการบริหารงานใด ๆ ของบริษัทฯที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทันเหตุการณ์และโดยสุจริต บริษัทฯ มีสิทธิที่จะขอข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ของพนักงานเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาที่จ้างงาน
      2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ในใบสมัครงาน และเอกสารประกอบการสมัครงานที่บริษัทฯกำหนด ถือเป็นข้อมูลที่จำเป็นที่บริษัทฯต้องรู้เพื่อจัดการงานให้ทำตามความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์และเหมาะสมกับคุณสมบัติส่วนตัวของแต่ละคน รายการข้อมูลส่วนบุคคลและเหตุผลที่จำเป็น ให้เป็นไปตามเอกสารที่บริษัทฯกำหนด
      2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯมีสิทธิขอเพิ่มเติมขณะทำงาน เช่น
        2.2.1 สถานภาพการสมรส รายชื่อคู่สมรส บุตร เพื่อจัดสวัสดิการให้เพิ่มเติม หรือเพื่อคำนวณลดหย่อนภาษี
        2.2.2 ใบรับรองแพทย์ ผลการตรวจสุขภาพ หรือ เอกสาร ยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์อื่นใด ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจรักษาอาการเจ็บป่วย ทั้งนี้บริษัทฯจะใช้โดยสุจริตเฉพาะกรณีที่
           ก. เพื่อช่วยเหลือ การรักษาที่ถูกต้อง รวดเร็ว
           ข. เพื่อพิจารณาจัดงาน เปลี่ยนงานให้เหมาะสมกับสุขภาพ
           ค. เพื่อป้องกันการระบาดไปสู่เพื่อนร่วมงาน หรือสาธารณะ 
        2.2.3 แผนที่ รูปถ่าย หรือ ข้อมูลอื่นเกี่ยวกับที่พักอาศัย เพื่อพิจารณาไปเยี่ยมอาการป่วย เยี่ยมคลอด หรือช่วยเหลือความเดือดร้อนอื่น รวมถึงเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวของพนักงาน
        2.2.4 ทะเบียนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เพื่อการอนุญาตเข้า-ออกพื้นที่ของบริษัท หรือ การจัดที่จอดให้ปลอดภัยและเพียงพอ
        2.2.5 ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใด ที่บริษัทฯพิจารณาเห็นความจำเป็นในทางการบริหาร หรือตามที่กฏหมายกำหนดให้บริษัทเก็บรวบรวมที่จะมีต่อไปในอนาคต

3. ผู้ควบคุมข้อมูลและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
      เพื่อให้การเก็บ รักษา การใช้ การควบคุม ตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน เป็นไปตามนโยบาย และข้อกำหนดของกฏหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯจึงกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของพนักงานที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
      3.1 กรรมการผู้จัดการ หรือผู้รับมอบอำนาจ มีหน้าที่ดังต่อไปนี้
        3.1.1 แต่งตั้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใช้ข้อมูล ประมวลผล การรักษาข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน เป็นความลับและสอดคล้องกับกฏหมายที่กำหนด
        3.1.2 เป็นผู้ทบทวน / อนุมัติการใช้ การควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกินจากอำนาจของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือการส่งข้อมูลพนักงานไปให้หน่วยงานภายนอก หรือต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
        3.1.3 จัดให้มีการทบทวนการเก็บ การรักษา การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานเป็นไปตามนโยบายและกฏหมายกำหนด
      3.2 ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ มีหน้าที่ดังต่อไปนี้
        3.2.1 เป็นผู้ควบคุมการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานทุกคนภายในขอบเขตและตามความจำเป็นในการบริหารงาน และเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
        3.2.2 จัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลของพนักงานที่จะเก็บ รักษาและควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต้องใช้งาน พร้อมเหตุผลความจำเป็นในการใช้
        3.2.3 กำหนดวิธีและสถานที่เก็บข้อมูลที่ปลอดภัย
           ก. การเก็บเอกสาร ตู้เก็บเอกสารต้องมีกุญแจเปิด-ปิด เฉพาะคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
           ข. การเก็บคอมพิวเตอร์ หรือ ระบบสารสนเทศ ต้องมีรหัส (Password) เฉพาะคนที่เก็บรักษาเท่านั้น
           ค. การเข้าใช้ข้อมูล ให้เพิ่มเติมได้ แต่จะลบ จะเปลี่ยนแปลง จะนำออกเองโดยพลการไม่ได้ ต้องได้รับอนุมัติจากผู้ควบคุมข้อมูล
        3.2.4 จัดประชุมให้ความรู้ ประชาสัมพันธ์ ให้พนักงานเข้าใจเหตุผล ความจำเป็นที่ต้องมีนโยบาย ระเบียบปฏิบัตินี้ รวมถึงให้รู้สิทธิและหน้าที่ตามนโยบายนี้
        3.2.5 เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยน การขอใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่จำเป็นในงานของบริษัทฯ หรือที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าของข้อมูล
        3.2.6 เป็นผู้เก็บกุญแจสำรอง หรือรับรู้ Password เข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้เก็บ ผู้ใช้ข้อมูลเพื่อใช้ในกรณีเร่งด่วน ฉุกเฉิน
        3.2.7 หากพบเหตุผิดปกติในการเก็บ รักษา การใช้ข้อมูลผิดไปจากนโยบายหรือผิดไปจากที่กฏหมายกำหนด ให้ระงับ ยับยั้งเหตุผิดปกตินั้นทันทีและรายงานให้กรรมการผู้จัดการทราบเพื่อแก้ไข ป้องกันได้ทันเหตุการณ์
        3.2.8 ทบทวน ตรวจสอบการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานได้รับการเก็บรักษา ใช้ตรงตามนโยบาย หรือ กฏหมายกำหนด
        3.2.9 จัดทำรายงานข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฏหมายกำหนด พร้อมรับการตรวจสอบและหรือส่งให้หน่วยงานที่กฏหมายกำหนด
        3.2.10 บันทึกการใช้ การเก็บรักษาข้อมูลไว้เพื่อการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าปฏิบัติถูกต้องตามนโยบายนี้
      3.3 พนักงานที่ทำหน้าที่รับสมัครงาน เป็นผู้เก็บ ประมวลผลข้อมูล บันทึก รักษา และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับการสมัครงาน
        3.3.1 ข้อมูลของผู้สมัครงาน ที่รับเข้าทำงาน ให้เก็บไว้ตลอดเวลาและไม่น้อยกว่า 2 ปีหลังจากที่พ้นสภาพการเป็นพนักงาน หรือจนกว่าคดีจะสิ้นสุด (ถ้ามี)
        3.3.2 ข้อมูลของผู้สมัครงานที่ไม่รับเข้าทำงาน ให้เก็บรักษาไม่น้อยกว่า 3 เดือน
        3.3.3 วิธีการทำลายข้อมูล ให้ใช้วิธีย่อย หรือวิธีการอื่นที่มั่นใจว่าไม่มีบุคคลอื่นล่วงรู้ในข้อมูลนั้น
        3.3.4 เก็บกุญแจ หรือ Password ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูล
        3.3.5 บันทึกการใช้ การเปลี่ยนแปลง เก็บ รักษาข้อมูลไว้เพื่อการตรวจสอบเพื่อมั่นใจว่าปฏิบัติถูกต้องตามนโยบายนี้
      3.4 พนักงานที่จ่ายค่าจ้าง เงินเดือน สวัสดิการ
        3.4.1 เป็นผู้ประมวลผลข้อมูล ใช้ เก็บ รักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับค่าจ้าง สวัสดิการ ประกันสังคม ภาษีเงินได้ของพนักงานแต่ละคน
        3.4.2 เป็นผู้มีสิทธิขอเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม เพื่อคำนวณภาษีประจำปี หรือเพื่อจัดสวัสดิการเพิ่มเติมระหว่างปี
        3.4.3 เป็นผู้ออกหนังสือรับรองค่าจ้าง หรือ ข้อมูลอื่น ที่เจ้าของข้อมูลร้องขอ
        3.4.4 เก็บรักษาข้อมูลเกี่ยวกับค่าจ้างไว้ตลอดเวลาตามที่สรรพากรกำหนด
        3.4.5 เก็บกุญแจ หรือ Password ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูล
        3.4.6 บันทึกการใช้ การเก็บรักษาข้อมูลไว้เพื่อการตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่าปฏิบัติถูกต้องตามนโยบายนี้
      3.5 เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน
        3.5.1 เก็บข้อมูลการเจ็บป่วยของพนักงานไว้เป็นความลับ
        3.5.2 ประสานงานกับแพทย์หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการรักษาหรือทำตามกฏหมายกำหนด
      3.6 ผู้จัดการฝ่ายสารสนเทศ หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ให้คำแนะนำวิธีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลลงในระบบสารสนเทศอย่างเป็นความลับ ให้มั่นใจว่าข้อมูลอยู่ครบ ไม่ถูกลบ ไม่ถูกละเมิด ไม่ถูกทำลาย สามารถตรวจสอบชื่อคนใช้ วัน เวลา ที่มีการใช้ได้ รวมถึงกำหนด กำกับ ตรวจสอบ ให้พนักงานสารสนเทศ (IT) หรือผู้เกี่ยวข้องในการทำหน้าที่ เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ลงในระบบสารสนเทศ อย่างเป็นความลับ
      3.7 พนักงานสารสนเทศ ประมวลผลข้อมูล กำหนด Password ในการเก็บ รักษาข้อมูลอย่างเป็นความลับป้องการการละเมิด การทำลาย เพื่อให้มั่นใจว่าปฏิบัติถูกต้องตามนโยบายนี้

4. การเข้าถึง การตรวจสอบ และการแจ้งเพิ่มเติม ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน
     พนักงานที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บ รักษาไว้ มีสิทธิและหน้าที่ดังต่อไปนี้
     4.1 มีสิทธิขอตรวจสอบการเก็บรักษา การใช้ข้อมูลของตนเองได้ทุกวันในเวลาทำงาน โดยแจ้งความประสงค์ได้ที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์) เพื่อดำเนินการให้
     4.2 มีสิทธิขอรับการรับรอง หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะของตนเองเท่านั้น โดยแจ้งความประสงค์ต่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์) เพื่อดำเนินการให้
     4.3 มีหน้าที่จัดส่งเอกสาร หรือข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่บริษัทร้องขอภายในเวลาที่บริษัทฯ กำหนด
     4.4 มีหน้าที่แจ้งข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น การเปลี่ยนชื่อ นามสกุล การย้ายที่อยู่ สถานภาพการสมรส การมีบุตร ให้บริษัททราบภายใน 7 วัน
     4.5 มีหน้าที่แจ้งข้อมูลส่วนบุคคลที่มีนัยสำคัญ เช่น อาการป่วยติดเชื้อ โรคระบาด โรคทางจิตเวช ยาเสพติด การก่อประวัติอาชญากรรม หรือ การทำผิดกฏหมายใด ที่มีผลต่อสุขภาพ
     4.6 ความปลอดภัยต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือ ต่อความสงบเรียบร้อยในการทำงานร่วมกัน โดยแจ้งผู้จัดการต้นสังกัด หรือ ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ทันที เพื่อพิจารณาแก้ไข ป้องกัน ช่วยเหลือได้ทันเหตุการณ์

5. บทลงโทษผู้ฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัตินี้และหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของพนักงาน
     5.1 พนักงานผู้ใดเปิดเผย ใช้ ละเมิด ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานอื่น หรือนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่ได้รับอนุมัติจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์) หรือกรรมการผู้จัดการ หรือ จากเจ้าของข้อมูล บริษัทฯ ถือว่าผู้นั้นทุจริตต่อหน้าที่ จงใจทำให้บริษัทเสียหาย ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง อาจลงโทษถึงขั้นเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยใด ๆ
     5.2 พนักงานที่บริษัทฯมอบหมายให้มีหน้าที่ควบคุมข้อมูล เก็บ รักษา ประมวลผล ใช้ข้อมูล ถือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ หากกระทำความผิดเสียเอง จะถูกพิจารณาลงโทษในอัตราสูงกว่าพนักงานทั่วไป
     5.3 พนักงานที่ไม่นำส่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯร้องขอ หรือ ใช้ข้อมูลเท็จ ถือว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จงใจทำให้บริษัทฯเสียหาย บริษัทฯจะลงโทษทางวินัยตามที่เห็นสมควร
     5.4 พนักงานผู้ใด ละเมิด ไม่ปฏิบัติตามนโยบาย ระเบียบปฏิบัตินี้ หากเกิดความเสียหายใด ๆ พนักงานผู้นั้นต้องชดใช้ความเสียหายด้วยตนเองเต็มจำนวนตามที่กฏหมายกำหนด
บริษัทฯ จึงขอให้พนักงานทุกคนศึกษาและปฏิบัติตามนโยบายและแนวปฏิบัติข้างต้นอย่างเคร่งครัด เพื่อใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานมีการเก็บ รักษา ใช้อย่างปลอดภัยตลอดเวลาที่ทำงานร่วมกันตลอดไป

 

ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2565

( นายทาดาชิ เซซากิ )
กรรมการผู้จัดการ

รายละเอียดของงาน

เงินเดือน

สวัสดิการ

นโยบายและระเบียบปฏิบัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของลูกค้า คู่ค้า หรือผู้มาติดต่องาน 10 อัตรา

คุณสมบัติผู้สมัครงาน

      วัตถุประสงค์ : เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องาน หรือ บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องได้รับการเก็บ รักษาอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และใช้งานโดยสุจริต และเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทฯ จึงกำหนดนโยบายและระเบียบปฏิบัติให้พนักงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดดังต่อไปนี้

1. คำจำกัดความและขอบเขตของข้อมูล
      1.1 ลูกค้า (Customer) หมายถึง บุคคลทั่วไปที่ซื้อสินค้า หรือ ใช้บริการของบริษัท
      1.2 คู่ค้า (Supplier) หมายถึง บริษัท / ห้าง/ร้าน / บุคคล ที่ซื้อ ขายสินค้า หรือ บริการให้กับบริษัท
      1.3 ผู้มาติดต่องาน (Visitor) หมายถึง บุคคลภายนอกที่เข้ามาติดต่องาน มาเยี่ยมชม หรือ มาตรวจสอบใดๆ กับบริษัทฯที่นอกเหนือจากการซื้อ-ขายสินค้าบริการ
      1.4 ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องาน ที่ได้รับการคุ้มครองตามนโยบายนี้ คือ
        1.4.1 ชื่อลูกค้า ชื่อกรรมการ หรือชื่อผู้ติดต่องานรายบุคคล
        1.4.2 ที่อยู่ ทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา
        1.4.3 หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ไอดีไลน์ นามบัตร
        1.4.4 เลขที่บัตรประชาชน
        1.4.5 รายการ และ ราคาสินค้าที่ซื้อ หรือ ขาย
        1.4.6 แหล่งผลิต หรือ แหล่งส่งต่อ ของสินค้าหรือบริการ
        1.4.7 ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใดที่กรรมการผู้จัดการกำหนด

2. นโยบายการเก็บ รักษา ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้าหรือ ผู้มาติดต่องาน
      2.1 บริษัทฯ ให้ความเคารพสิทธิส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้าและผู้มาติดต่องานอย่างสูงสุด
      2.2 บริษัทฯ จะขอข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นในการทำธุรกิจร่วมกัน หรือ ตามที่องค์กร หน่วยงาน ที่
     เกี่ยวข้องกำหนดเท่านั้น
      2.3 บริษัทฯ จะจัดให้มีการเก็บรักษาข้อมูลอย่างรัดกุม ปกปิด และเป็นความลับ
      2.4 บริษัทฯ กำหนดหน้าที่ของผู้เก็บข้อมูล ผู้ประมวลผลข้อมูล ผู้รักษา ผู้ใช้ ผู้อนุมัติการใช้ รวมถึง
ขั้นตอนการตรวจสอบ การเข้าถึง อย่างชัดเจนเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลเหล่านั้นได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับ ปลอดภัยและใช้งานโดยสุจริต
      2.5 ลูกค้า คู่ค้า หรือผู้มาติดต่องาน ที่เป็นเจ้าของข้อมูล มีสิทธิในการขอดู ตรวจสอบ เข้าถึงข้อมูลนั้นได้ ทันทีตลอดเวลาที่มีการเก็บรักษา รวมถึงมีหน้าที่แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคล หรือ นำส่งข้อมูลในกรณีที่บริษัทฯ หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องขอเพิ่มเติม
      2.6 ลูกค้า คู่ค้า หรือ ผู้มาติดต่องาน ที่เป็นชาวต่างชาติ ให้เก็บ รักษา และใช้ข้อมูลเช่นเดียวกับคนไทย
      2.7 ในกรณีบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก หรือหน่วยงานราชการ ต้องการข้อมูลของลูกค้า คู่ค้า หรือ ผู้มาติดต่องาน ให้มีหมายศาลหรือหนังสือราชการที่เกี่ยวข้องมาแสดงต่อกรรมการผู้จัดการหรือผู้ควบคุมข้อมูลพิจารณาอนุมัติก่อนทุกครั้ง
      2.8 การส่งข้อมูลของลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องานให้หน่วยราชการตามรอบปกติหรือตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ส่งให้สรรพากร ให้ส่งเป็นความลับได้ตามปกติ และบันทึกการส่งไว้เพื่อการตรวจสอบ
      2.9 กรณีที่หน่วยราชการ หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ผู้ตรวจสอบระบบ คุณภาพ ให้แสดงเป็นความลับได้ตามปกติและบันทึกการตรวจสอบไว้เพื่อเป็นหลักฐาน
      2.10 การส่งข้อมูลของลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องานไปยังต่างประเทศ ให้กรรมการผู้จัดการหรือผู้รับมอบอำนาจเป็นผู้อนุมัติและดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด
      2.11 ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่บริษัทเก็บไว้ตามนโยบายนี้ ถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญในทางธุรกิจ บริษัทฯจะเก็บรักษาเสมือนหนึ่งเป็นทรัพย์สิน ข้อมูลของบริษัทฯเอง ผู้ใดละเมิด ทำลาย ทำให้เสียหาย หรือนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว บริษัทฯจะลงโทษถึงขั้นสูงสุดและหรือดำเนินคดีถึงที่สุด รวมถึงต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นเต็มจำนวนตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
      2.12 การเก็บ รักษา ใช้ การตรวจสอบ ทบทวน อนุมัติ หรือ ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายนี้ ให้ทำเป็นความลับ เท่าที่จำเป็น โดยหลักสุจริต และให้ถือว่าข้อมูลลับส่วนบุคคลนี้เป็นข้อมูลลับในระดับสูงสุด

3. ผู้ควบคุมข้อมูลและผู้เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
    เพื่อให้การเก็บรักษา การใช้ การควบคุม ตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล เป็นไปตามนโยบายและข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯจึงกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของพนักงานที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
      3.1 กรรมการผู้จัดการ หรือผู้รับมอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่แทน มีหน้าที่ดังต่อไปนี้
        3.1.1 จัดตั้งคณะทำงานควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้าหรือผู้มาติดต่องาน ประกอบด้วย
ผู้จัดการ/หัวหน้าหน่วยงาน ทุกหน่วยงาน เพื่อกำหนดข้อมูลที่จะเก็บ การรักษา การใช้การตรวจสอบการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นตามกฎหมาย
        3.1.2 แต่งตั้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใช้ข้อมูล ประมวลผล การรักษาข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน เป็น
ความลับและสอดคล้องกับกฎหมายที่กำหนด
        3.1.3 เป็นผู้ทบทวน / อนุมัติการใช้ การควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกินจากอำนาจของผู้  ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคล หรือ การส่งข้อมูลพนักงานไปให้หน่วยงานภายนอก หรือ ต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
     3.2 ผู้จัดการฝ่ายขาย (Sales Manager) มีหน้าที่และรับผิดชอบดังต่อไปนี้
        3.2.1 เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้าหรือผู้มาติดต่องานให้เป็นไปตามนโยบายนี้และปฏิบัติ ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
        3.2.2 ร่วมกับคณะทำงาน (ผู้จัดการทุกแผนกที่เกี่ยวข้อง) กำหนดข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้าหรือผู้มาติดต่องาน วิธีการเก็บ การรักษา การใช้ การปรับปรุงข้อมูล โดยวิธีปกปิดเป็นความลับ และทำการประชุมทบทวนความถูกต้อง การคงอยู่ของข้อมูล รวมถึงการทำลายข้อมูลที่ไม่ใช้งานอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้ข้อมูลเป็นปัจจุบันและสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
        3.2.3 สถานที่เก็บรักษา (ห้องเก็บเอกสาร หรือ เก็บทางคอมพิวเตอร์) ต้องมั่นใจว่าเข้าถึงได้เฉพาะคนที่ต้องมีรหัสลับเฉพาะ มีการบันทึกการเข้าถึง เพื่อให้ตรวจสอบว่าใครเข้าไปทำอะไร วันใด เวลาใด เพื่อป้องกันการละเมิด การลักขโมย การทำลายข้อมูลที่เก็บไว้นั้น
        3.2.4 ข้อมูลที่เก็บไว้ หากจะเปลี่ยนแปลง ลบ หรือ นำออกไปภายนอก ต้องได้รับอนุมัติจากผู้ควบคุมจะนำออก ลบ เองโดยพลการไม่ได้
        3.2.5 หากพบสิ่งผิดปกติ ไม่เป็นไปตามนโยบายนี้ให้ระงับ ยับยั้งเหตุผลปกตินั้นทันทีและรายงานให้กรรมการผู้จัดการหรือผู้รับมอบอำนาจแก้ไข ป้องกันโดยเร็ว
        3.2.6 จัดทำรายงานข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้าหรือผู้มาติดต่องานตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมรับการตรวจสอบและหรือส่งให้หน่วยงานที่กฎหมายกำหนด
        3.2.7 บันทึกการใช้ข้อมูลไว้เพื่อการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าได้ดำเนินการตามนโยบายนี้
     3.3 ผู้จัดการแต่ละหน่วยงาน มีหน้าที่ดังต่อไปนี้
        3.3.1 ผู้จัดการฝ่ายผลิต ร่วมเป็นคณะทำงาน และรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายผลิต พร้อมทั้งเก็บรักษาข้อมูล
        3.3.2 ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ร่วมเป็นคณะทำงานและรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า (Supplier) หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายจัดซื้อ พร้อมทั้งเก็บรักษาข้อมูล
        3.3.3 ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินหรือผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน ร่วมเป็นคณะทำงาน และรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน เลขที่บัญชี รายรับ รายจ่าย การโอนเงิน
เอกสารทางบัญชี หรือการเงินอื่นใดของลูกค้า คู่ค้า หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแผนกการเงินและ
บัญชี  พร้อมทั้งเก็บรักษาข้อมูล
        3.3.4 ผู้จัดการฝ่ายจัดส่ง ร่วมเป็นคณะทำงานและรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทขนส่ง
คนขับรถ ทะเบียนรถยนต์ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคลังสินค้าและขนส่ง พร้อมทั้งเก็บรักษาข้อมูล
        3.3.5 ผู้จัดการฝ่ายซ่อมบำรุง/วิศวกรรมโรงงานหรือเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายซ่อมบำรุง ร่วมเป็นคณะทำงานและรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มาซ่อม สร้าง ให้บริการในงานซ่อมบำรุง หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมบำรุงพร้อมทั้งเก็บรักษาข้อมูล
        3.3.6 ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ร่วมเป็นคณะทำงานและรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มา ติดต่องาน ผู้มาเยือน หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ กำกับ ตรวจสอบ การทำหน้าที่ของพนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าประตู เข้า-ออก บริษัท ให้บันทึกข้อมูล เก็บ  รักษาข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานรักษาความปลอดภัย ที่เข้า-ออก บริเวณบริษัท ให้รัดกุม ปลอดภัย เป็นความลับชั้นสูงสุด พร้อมทั้งเก็บรักษาข้อมูล
        3.3.7 ผู้จัดการฝ่ายประกันคุณภาพ ร่วมเป็นคณะทำงานและรวบรวมข้อมูลส่วนบุคลลของผู้ร้องเรียน 
หรือ บุคคล ที่เกี่ยวข้องกับระบบคุณภาพ พร้อมทั้งเก็บรักษาข้อมูล
        3.3.8 ผู้จัดการฝ่ายวิจัยพัฒนา ออกแบบ และเขียนแบบ ร่วมเป็นคณะทำงานและรวบรวมข้อมูลส่วน
บุคคลของผู้คิดค้น ผู้วิจัยผู้ออกแบบ หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและ พร้อมทั้งเก็บรักษาข้อมูล
        3.3.9 ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม หรือ เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายความปลอดภัยฯ ร่วมเป็นคณะทำงานและรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มาติดต่องาน ผู้มาเยือน หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเก็บรักษาข้อมูล
        3.3.10 ผู้จัดการอื่น หรือ พนักงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องานในส่วนที่ตนเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเก็บรักษาข้อมูล

4. การใช้และการเปลี่ยนแปลงข้อมูล
    เพื่อให้การเก็บ การใช้ การรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องาน เป็นไปตามนโยบายและหรือที่กฎหมายกำหนด ให้ผู้จัดการ พนักงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปนี้
      4.1 ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงนโยบายนี้ รวมถึงชี้แจงสิทธิและหน้าที่ของเจ้าของข้อมูล ตามนโยบายนี้
      4.2 ให้ใช้ข้อมูลด้วยความสุจริต เป็นความลับ เท่าที่จำเป็น ตามงานที่เกี่ยวข้อง หากมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม ตัดออก หรือ ต้องการข้อมูลอื่นใดเพิ่มเติม ให้แจ้งผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และธุรการ เพื่อจัดให้หรือ ปรับใหม่ให้เป็นปัจจุบัน ห้ามไม่ให้กระทำการใดๆ เองโดยพลการหรือโดยไม่ได้รับอนุญาต
      4.3 ในกรณีที่พนักงานที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า คู่ค้า หรือผู้มาติดต่องานมีการเปลี่ยนตำแหน่ง เปลี่ยนคนหรือ
 ลาออก ให้แจ้งเจ้าของข้อมูลทราบโดยเร็ว เพื่อป้องกันการแอบอ้าง หรือนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว หรือเพื่อป้องกันการเปิดเผย ละเมิดอันอาจจะทำให้เจ้าของข้อมูลเสียหาย
      4.4 บันทึกการใช้ การเก็บรักษาไว้เพื่อการตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามนโยบายนี้หรือตาม
 กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

5. การเข้าถึง การตรวจสอบ และการแจ้งเพิ่มเติม ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้าหรือของผู้มาติดต่องาน
    ลูกค้า คู่ค้า ผู้มาติดต่องานที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บ รักษาไว้ มีสิทธิและหน้าที่ดังต่อไปนี้
      5.1 มีสิทธิขอตรวจสอบการเก็บรักษา การใช้ข้อมูลของตนเองได้ทุกวันในเวลาทำงาน โดยแจ้งความประสงค์ได้ที่ผู้จัดการฝ่ายที่ติดต่องานด้วย 
      5.2 มีสิทธิขอรับการรับรอง หรือ ขอใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะของตนเองเท่านั้น โดยแจ้งความประสงค์ต่อ ผู้จัดการฝ่ายที่ติดต่องาน 
      5.3 มีหน้าที่จัดส่งเอกสาร หรือ ข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่บริษัทฯร้องขอภายในเวลาที่บริษัทฯกำหนด
      5.4 มีหน้าที่แจ้งข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น การเปลี่ยนชื่อ นามสกุล เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ เปลี่ยนบัญชีธนาคาร เปลี่ยนชื่อผู้ติดต่องาน การย้ายที่อยู่ ให้แจ้งบริษัทฯทราบโดยเร็วหรือภายใน เดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้น เพื่อให้ข้อมูลเป็นปัจจุบัน
      5.5 มีหน้าที่แจ้งข้อมูลส่วนบุคคลที่มีนัยยะสำคัญ ที่มีผลต่อสุขภาพ ความปลอดภัยต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือต่อความสงบเรียบร้อยในการค้าขายร่วมกัน เช่น อาการป่วยติดเชื้อ โรคระบาด โรคทางจิตเวช ยาเสพติด การ ก่อประวัติอาชญากรรม หรือ การทำผิดกฎหมายใด ให้ผู้จัดการที่ติดต่องานด้วยทราบทันทีและเป็น ความลับ เพื่อจัดการแก้ไข ป้องกัน ช่วยเหลือได้ทันเหตุการณ์

6. บทลงโทษผู้ฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัตินี้และหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า หรือ ของผู้มาติดต่องาน
      6.1 พนักงานผู้ใดเปิดเผย ใช้ ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า หรือของผู้มาติดต่องาน โดยไม่ได้รับอนุมัติ จากบริษัทฯ ถือว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จงใจทำให้บริษัทเสียหาย ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง บริษัทฯจะลงโทษถึงขั้นเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยใดๆ
      6.2 พนักงานที่บริษัทฯมอบหมายให้มีหน้าที่เก็บ รักษา ใช้ ตรวจสอบข้อมูล ถือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่กระทำ ความผิดเสียเอง จะถูกพิจารณาลงโทษในอัตราสูงกว่าพนักงานทั่วไป
      6.3 พนักงานผู้ใด ละเมิด ไม่ปฏิบัติตามนโยบาย ระเบียบปฏิบัตินี้หากเกิดความเสียหายใด ๆ พนักงานผู้นั้นต้องชดใช้ความเสียหายด้วยตนเองเต็มจำนวนตามที่กฎหมายกำหนด
      6.4 พนักงานหรือบุคคลใด นำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้าหรือผู้มาติดต่องาน ที่บริษัทเก็บ รักษาไว้นี้ไปใช้ ประโยชน์ส่วนตัว หรือ ให้ผู้อื่นไปใช้ต่อโดยไม่ได้รับอนุมัติจากบริษัทฯ ถือว่าเป็นการกระทำความผิดร้ายแรงมี โทษถึงขั้นเลิกจ้างทันทีโดยไม่จ่ายค่าชดเชยใดๆ อีกทั้งบริษัทฯจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายและหรือ ดำเนินคดี ถึงที่สุดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
    บริษัทฯ จึงขอให้พนักงานทุกคนศึกษาและปฏิบัติตามนโยบายและแนวปฏิบัติข้างต้นอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า หรือ ของผู้มาติดต่องานมีการเก็บ รักษา ใช้อย่างปลอดภัยตลอดเวลาที่ทำงานร่วมกันตลอดไป

 

ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2565

( นายทาดาชิ เซซากิ )
กรรมการผู้จัดการ

รายละเอียดของงาน

เงินเดือน

สวัสดิการ

นโยบายความเป็นส่วนตัวในการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV Privacy Notice) 10 อัตรา

คุณสมบัติผู้สมัครงาน

      บริษัท นิคเคสยามอลูมิเนียม จำกัด ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า “บริษัท” กำลังดำเนินการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV) สำหรับการเฝ้าระวังสังเกตการณ์ในพื้นที่ภายในและรอบบริเวณของบริษัท เช่น บริเวณอาคาร รอบอาคาร ของบริษัท เพื่อการปกป้องชีวิต สุขภาพ ร่างกายและทรัพย์สิน

      ทั้งนี้ บริษัทได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงาน ลูกค้า ลูกจ้าง ผู้รับเหมา ผู้มาติดต่อ หรือ บุคคลใดๆ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกรวมกันว่า “ท่าน”) ที่เข้ามายังพื้นที่ โดยผ่านการใช้งานอุปกรณ์กล้องวงจรปิดดังกล่าว

      ประกาศความเป็นส่วนตัวในการใช้กล้องวงจรปิด (“ประกาศ”) ฉบับนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย ซึ่งข้อมูลที่สามารถทำให้สามารถระบุตัวท่านได้ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมทั้งสิทธิต่างๆ ของท่าน ดังนี้

1. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
      บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานกฎหมายดังต่อไปนี้
      1.1 ความจำเป็นในการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น
      1.2 ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือบุคคลอื่น โดยประโยชน์ดังกล่าวมี
ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
      1.3 ความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควบคุมดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน และทรัพย์สินของบริษัท

2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
      บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
      2.1 เพื่อการปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยส่วนตัวของท่าน ซึ่งรวมไปถึงทรัพย์สินของท่าน
      2.2 เพื่อการปกป้องอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกและทรัพย์สินของบริษัทจากความเสียหาย การขัดขวาง การทำลายซึ่งทรัพย์สินหรืออาชญากรรมอื่น
      2.3 เพื่อสนับสนุนหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อการยับยั้ง ป้องกัน สืบค้น และดำเนินคดีทางกฎหมาย
      2.4 เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการระงับข้อพิพาทซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่มีกระบวนการทางวินัยหรือกระบวนการร้องทุกข์
      2.5 เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการสอบสวน หรือกระบวนการเกี่ยวกับการส่งเรื่องร้องเรียน
      2.6 เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการริเริ่มหรือป้องกันการฟ้องร้องทางแพ่ง หรือทางอาญา ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงการดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมและใช้
      ตามวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งในข้อ 2. บริษัททำการติดตั้งกล้องวงจรปิดในตำแหน่งที่มองเห็นได้ โดยจะจัดวางป้ายเตือนว่ามีการใช้กล้องวงจรปิด ณ ทางเข้าและทางออก รวมถึงพื้นที่ที่บริษัทเห็นสมควรว่าเป็นจุดที่ต้องมีการเฝ้าระวัง เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เมื่อท่านได้เข้ามายังพื้นที่ ดังต่อไปนี้
      รายการข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
           •    ภาพนิ่ง
           •    ภาพเคลื่อนไหว
           •    เสียง
           •    ภาพทรัพย์สินของท่าน เช่น พาหนะ กระเป๋า หมวก เครื่องแต่งกาย เป็นต้น
      ทั้งนี้ บริษัทจะไม่ทำการติดตั้งกล้องวงจรปิด ในพื้นที่ที่อาจล่วงละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของท่านจนเกินสมควร ได้แก่ ในห้องน้ำ ในห้องอาบน้ำ หรือสถานที่เพื่อใช้ในการทำกิจธุระส่วนตัวของผู้ปฏิบัติงาน

4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
      บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลในกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวกับท่านไว้เป็นความลับ และจะไม่ทำการเปิดเผยออกไปภายนอก เว้นแต่ กรณีที่บริษัทมีความจำเป็น เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการเฝ้าระวังสังเกตการณ์ตามที่ได้ระบุในประกาศฉบับนี้ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลในกล้องวงจรปิดแก่ประเภทของบุคคลหรือนิติบุคคล ดังต่อไปนี้
      4.1 หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุนในการบังคับใช้กฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดีความต่างๆ
      4.2 ผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เพื่อความจำเป็นในการสร้างความมั่นใจในเรื่องการป้องกัน หรือ ระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ รวมทั้งทรัพย์สินของท่านหรือบุคคลอื่น

5. สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ของท่าน
      พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
      5.1 สิทธิในการเข้าถึง รับสำเนา และขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
      5.2 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
      5.3 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้
        5.3.1 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัททำการตรวจสอบตามคำร้องขอของท่านให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
        5.3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
        5.3.3 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์บริษัทได้แจ้งไว้ในการเก็บรวบรวม แต่ท่านประสงค์ให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไป เพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของท่าน
        5.3.4 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังพิสูจน์ให้ท่านเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
      5.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของบริษัท)

6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
      เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการเฝ้าระวังสังเกตโดยการใช้อุปกรณ์กล้องวงจรปิดตามที่ประกาศนี้กำหนด บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลในกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องกับท่าน เป็นระยะเวลา 30 วัน และเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวบริษัทจะทำการ ลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามระบบของ CCTV ซึ่งมีการบันทึกต่อเนื่องใน Hard disk, Server และ Cloud ที่จัดเก็บข้อมูล

7. การรรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
      บริษัทมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ลบ ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของบริษัท 
      นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศในระยะเวลาตามที่เหมาะสม

8. ความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
      บริษัทได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่เฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยบริษัทจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด

9. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
      ในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ บริษัทอาจพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านก่อนที่จะเข้ามาในพื้นที่ของบริษัท โดยจะมีการให้คำแนะนำโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ กรณีที่ท่านเข้ามาติดต่อในสำนักงาน โดยจะมีป้ายติดประกาศบริเวณหน้าป้อม รปภ. และบริเวณหน้าสำนักงาน ท่านสามารถอ่านหรือสแกน QR Code 
      โดยบริษัทจะมีการปรับปรุงข้อมูลหรือประกาศนี้ โดยมีวันที่กำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี บริษัทขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะเข้ามาในพื้นที่ของบริษัท
      การเข้ามาในพื้นที่ของท่านถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดระงับการเข้าพื้นที่ หากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ หากท่านยังคงเข้ามาในพื้นที่ต่อไปภายหลังจากที่ประกาศนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว จะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว

10. การติดต่อสอบถาม
      ท่านสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับประกาศฉบับนี้ได้ที่
      ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
           •    ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์  
           •    สำนักงานใหญ่ : โทร 02 9097300 
           •    สำนักงานสาขา : โทร 038 465780 

 

ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2565

( นายทาดาชิ เซซากิ )
กรรมการผู้จัดการ

รายละเอียดของงาน

เงินเดือน

สวัสดิการ